มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าในสถานที่ทำงาน นั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้แน่ใจว่าทุกพื้นที่ทำงานปราศจากอันตรายจากไฟฟ้า มาตรฐานเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนคู่มือสำหรับความปลอดภัยทางไฟฟ้า การติดตั้ง การปฏิบัติงาน และการบำรุงรักษา วันนี้เราไปรู้จักกับมาตรฐานเหล่านี้กันให้มากขึ้น
รหัสไฟฟ้าแห่งชาติ (The National Electrical Code : NEC)
NEC คือ มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าในสถานที่ทำงาน ที่พัฒนาโดยสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Fire Protection Association : NFPA) NEC เป็นมาตรฐานที่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้า โดยกำหนดรากฐานสำหรับความปลอดภัยทางไฟฟ้าในที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม
โดยมาตรฐาน NEC นั้นออกแบบมาให้ครอบคลุมกับการใช้งานไฟฟ้าในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น
- การเดินสายไฟและการป้องกัน: กำหนดมาตรการสำหรับการเดินสายที่ปลอดภัย และวิธีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของวงจรไฟฟ้า
- วิธีการเดินสายไฟและวัสดุ: วางเกณฑ์สำหรับการเลือกวิธีการเดินสายไฟ – ตั้งแต่ท่อร้อยสายไปจนถึงสายเคเบิล เพื่อให้มั่นใจถึงความทนทานและปลอดภัย
- การใช้งาน อุปกรณ์ และสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ: ออกแบบมาตรการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านของสถานที่ปฏิบัติงาน เช่น สถานที่อันตราย สถานพยาบาล และอื่นๆ
มาตรการของ Institute of Electrical and Electronics Engineers (IEEE)
สถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Institute of Electrical and Electronics Engineers : IEEE) มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านของ มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าในสถานที่ทำงาน ที่ครอบคลุม ซึ่งแต่ละมาตรฐานได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
มาตรฐานที่สำคัญจาก Institute of Electrical and Electronics Engineers
- IEEE 1584: คู่มือที่ขาดไม่ได้ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับความซับซ้อนของการคำนวณอันตรายจากอาร์คแฟลช ซึ่งช่วยให้สถานที่ทำงานสามารถบรรเทาปรากฏการณ์ที่เป็นอันตรายนี้ได้
- IEEE 3007.2: เอกสารที่ให้รายละเอียดแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรักษาระบบไฟฟ้าทางอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ เพื่อให้มั่นใจถึงอายุการใช้งานที่ยาวนานและปลอดภัย
IEC 60364: การติดตั้งระบบไฟฟ้าสำหรับอาคาร
คณะกรรมาธิการไฟฟ้าระหว่างประเทศ (IEC : International Electrotechnical Commission) เป็นองค์กรที่ออกแบบมาตรการที่มีชื่อว่า IEC 60364 โดยรวบรวมมาตรฐานต่างๆ ที่รองรับการติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร โดยมาตรฐานนี้ถูกยอมรับและใช้งานกันในระดับสากลเลย
โดย IEC 60364 ครอบคลุมความปลอดภัยทางไฟฟ้าหลาย ๆ ด้าน หลัก ๆ ก็คือ
- หลักการพื้นฐาน: เริ่มต้นด้วยแนวคิดพื้นฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งระบบไฟฟ้าสอดคล้องกับหลักการสากลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
- มาตรการป้องกัน: ให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกัน ตั้งแต่เซอร์กิตเบรกเกอร์ไปจนถึงการต่อสายดิน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการทำงานจะมีความปลอดภัยสูงสุดและกำจัดความเสี่ยงให้เป็น 0
- การเลือกและการติดตั้งอุปกรณ์: กำหนดเกณฑ์และรายละเอียดสำหรับการเลือกอุปกรณ์และวิธีสำหรับการติดตั้งที่ปลอดภัย
OSHA 29 CFR 1910 subpart S: มาตรฐานทางไฟฟ้า
สำนักงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (Occupational Safety and Health Administration : OSHA) ได้วางกรอบข้อบังคับที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับ มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าในสถานที่ทำงาน ในสหรัฐอเมริกาและนานาชาติ คำสั่งเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าสถานที่ทำงานไม่เพียงแต่ใช้งานได้จริง แต่ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานด้วย
โดยมีส่วนสำคัญดังนี้
- มาตรการออกแบบ: กำหนดเกณฑ์สำหรับการออกแบบระบบไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามบรรทัดฐานด้านความปลอดภัยและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- แนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยในการทำงาน: กำหนดสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำสำหรับบุคลากรเมื่อทำงานกับระบบไฟฟ้า
- มาตรการบำรุงรักษา: แนะนำให้มีการตรวจสอบเป็นระยะและกำหนดขั้นตอนการบำรุงรักษาเพื่อให้มั่นใจถึงความสมบูรณ์และความปลอดภัยของระบบ
ANSI C2: รหัสความปลอดภัยทางไฟฟ้าแห่งชาติ (The National Electrical Safety Code : NESC)
NESC ออกแบบขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง ANSI และ IEEE โดยมุ่งเน้นไปที่ขอบเขตของระบบไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคด้านการสื่อสาร
หลัก ๆ แล้วมีดังนี้
- การต่อสายดิน: ให้รายละเอียดวิธีการต่อสายดิน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสาธารณูปโภคสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในทุก ๆ สภาพแวดล้อมหรือสภาพอากาศ
- คำสั่งเกี่ยวกับสายไฟ: ออกแบบกรอบการทำงานสำหรับการติดตั้งและบำรุงรักษาสายไฟเหนือศีรษะอย่างปลอดภัย
- มาตรการสำหรับสายใต้ดิน: จัดการกับความเสี่ยงเกิดจากสายสาธารณูปโภคใต้ดิน เพื่อให้มั่นใจในความทนทานและปลอดภัย
สรุป
ความปลอดภัยในไฟฟ้านั้นสำคัญมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีไฟฟ้าก็มีความเสี่ยง แต่จะดีกว่าไหมหากเราปฏิบัติตาม มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าในสถานที่ทำงาน ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เพื่อให้มั่นใจได้ถึงสวัสดิภาพที่ดีของทุก ๆ คน